บทความ Slip & Antiblock Masterbatch

Slip & Antiblock Masterbatch 

Slip Masterbatch คืออะไร?

Slip Masterbatch คือ สารเติมแต่งชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยสารลดแรงเสียดทาน (Slip Agents) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารจำพวกเอมีน (Amides) เช่น Erucamide หรือ Oleamide ผสมรวมกับเม็ดพลาสติกตั้งต้น (polymer resin) เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน

กลไกการทำงาน: เมื่อพลาสติกถูกหลอมและขึ้นรูป สาร Slip Agents จะค่อยๆ เคลื่อนตัวอพยพ (migrate) จากเนื้อพลาสติกภายในมายังพื้นผิวของฟิล์มหรือชิ้นงานพลาสติก เกิดเป็นชั้นฟิล์มบางๆ ที่มีคุณสมบัติหล่อลื่น ชั้นฟิล์มนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะลดแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวของพิล์มพลาสติกด้วยกันเอง หรือระหว่างฟิล์มกับชิ้นส่วนเครื่องจักร ทำให้ฟิล์มสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น

Slip Masterbatch คือ สารเติมแต่งชนิดหนึ่งที่ประกอบด้วยสารลดแรงเสียดทาน (Slip Agents) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารจำพวกเอมีน (Amides) เช่น Erucamide หรือ Oleamide ผสมรวมกับเม็ดพลาสติกตั้งต้น (polymer resin) เพื่อให้ง่ายต่อการนำไปใช้งาน

กลไกการทำงาน: เมื่อพลาสติกถูกหลอมและขึ้นรูป สาร Slip Agents จะค่อยๆ เคลื่อนตัวอพยพ (migrate) จากเนื้อพลาสติกภายในมายังพื้นผิวของฟิล์มหรือชิ้นงานพลาสติก เกิดเป็นชั้นฟิล์มบางๆ ที่มีคุณสมบัติหล่อลื่น ชั้นฟิล์มนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะลดแรงเสียดทานระหว่างพื้นผิวของพิล์มพลาสติกด้วยกันเอง หรือระหว่างฟิล์มกับชิ้นส่วนเครื่องจักร ทำให้ฟิล์มสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น

ประโยชน์ของ Slip Masterbatch:

  • ลดแรงเสียดทาน (Coefficient of Friction - COF): ทำให้พื้นผิวพลาสติกลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: ช่วยให้ฟิล์มสามารถคลี่ออก (unwind) จากม้วนได้ง่ายขึ้น, ลดปัญหาการติดขัดในเครื่องจักร, และเพิ่มความเร็วในการบรรจุหีบห่อ
  • ปรับปรุงการใช้งาน: ทำให้ถุงพลาสติกเปิดง่ายขึ้น, ลดการเกาะติดกันของฟิล์มในขณะบรรจุภัณฑ์
  • ลดความเสียหาย: ป้องกันการฉีกขาดหรือยับย่นของฟิล์มในระหว่างกระบวนการ

 

Antiblock Masterbatch คืออะไร?

Antiblock Masterbatch คือ สารเติมแต่งที่ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กมากที่ไม่ละลายในพลาสติก (Inorganic or Organic particles) เช่น ซิลิกา (Silica), ทัลก์ (Talc), แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) หรือลูกปัดแก้วขนาดจิ๋ว (Glass beads) ผสมรวมกับเม็ดพลาสติกตั้งต้น

กลไกการทำงาน: เมื่อเติม Antiblock Masterbatch ลงไปในเนื้อพลาสติก อนุภาคของสาร Antiblock จะกระจายตัวอยู่ทั่วเนื้อพลาสติก และจะดันตัวเองขึ้นมาอยู่บนพื้นผิวของฟิล์ม ทำให้พื้นผิวของฟิล์มเกิดความขรุขระในระดับจุลภาค (micro-roughness) หรือที่เรียกว่า "พื้นผิวคล้ายเนินเขา" (hill-valley structure) ความขรุขระเล็กๆ นี้จะลดพื้นที่สัมผัสระหว่างพื้นผิวฟิล์มสองแผ่นที่มาประกบกัน ทำให้แรงยึดเกาะระหว่างกันลดลงอย่างมาก ป้องกันไม่ให้ฟิล์มติดกันเป็นแผ่น

ประโยชน์ของ Antiblock Masterbatch:

  • ป้องกันการติดกัน (Blocking): เป็นประโยชน์หลัก ช่วยให้ฟิล์มแต่ละชั้นไม่เกาะติดกันแน่นเมื่อม้วนเก็บหรือเรียงซ้อนกัน
  • เพิ่มความง่ายในการแยกฟิล์ม: ทำให้สามารถแยกฟิล์มออกจากกันได้ง่ายขึ้นในระหว่างการผลิตหรือการใช้งาน
  • รักษาคุณภาพของฟิล์ม: ป้องกันการฉีกขาดหรือยืดผิดรูปเมื่อฟิล์มติดกันแน่น
  • ปรับปรุงการแปรรูป: ช่วยให้ฟิล์มสามารถป้อนเข้าเครื่องจักรได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด

 

การใช้งาน Slip & Antiblock Masterbatch ในอุตสาหกรรมต่างๆ

Slip & Antiblock Masterbatch มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ฟิล์มพลาสติกและแผ่นพลาสติกที่ต้องการคุณสมบัติการไม่ติดกันและการลื่นไหลที่ดี:

  • บรรจุภัณฑ์อาหาร:

           -ถุงพลาสติกประเภทต่างๆ (ถุงหูหิ้ว, ถุงขยะ, ถุงซิป)

           -ฟิล์มห่ออาหาร (Cling film, Stretch film)

           -ถุงสำหรับบรรจุผัก/ผลไม้สด

  • บรรจุภัณฑ์อุตสาหกรรม:

           -ฟิล์มห่อสินค้า (Pallet wrap)

           -ถุงบรรจุวัตถุดิบ (เช่น เม็ดพลาสติก, ปุ๋ย)

  • การเกษตร:

           -ฟิล์มคลุมดิน (Mulch film)

           -ฟิล์มสำหรับโรงเรือน (Greenhouse film)

  • สิ่งทอและผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven fabrics): เส้นใยสำหรับผ้าอ้อมสำเร็จรูป, แผ่นอนามัย
  • ผลิตภัณฑ์อื่นๆ:

           -ฟิล์มเคลือบ, ฟิล์มลามิเนต

           -แผ่นพลาสติกบางที่ต้องมีการเรียงซ้อน

 

ทำไมมักใช้ Slip & Antiblock ร่วมกัน?

ในหลายการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฟิล์มพลาสติกบางชนิด ผู้ผลิตมักใช้ Slip Masterbatch และ Antiblock Masterbatch ควบคู่กันไป (Combination Masterbatch) เนื่องจากทั้งสองสารเติมแต่งนี้ทำงานเสริมซึ่งกันและกัน:

  • Slip Agents ช่วยลดแรงเสียดทาน ทำให้ฟิล์มลื่นไหล
  • Antiblock Agents ช่วยลดการเกาะติดกันโดยการสร้างความขรุขระบนพื้นผิว

การใช้ร่วมกันนี้ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการจัดการกับปัญหาการติดขัดและการเสียดสีในฟิล์มและผลิตภัณฑ์พลาสติกอื่นๆ